วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Instrument Cables

จะว่าไป สิ่งที่นักกีตาร์อย่างเราๆ สนใจกันมากๆ ก็เห็นจะไม่พ้นเรื่องของเสียง และ โทนเสียงกีตาร์ที่เราเล่นออกผ่านแอมป์สุดเลิฟ หรือบางกรณีก็อาจจะเป็นแอมป์ ณ ที่ทำงาน ส่วนสำคัญมากๆ ส่วนหนึ่งที่เราจำต้องคำนึงถึง ก็ได้แต่สิ่งยาวๆ (หรือสั้นๆ ในบางกรณี) ที่เรียกว่าสายสัญญาณ หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Instrument Cable นั่นเอง มองผ่านๆ เข้าไปในตลาดสายเคเบิ้ล หลายคนคงงงว่าไอ่เคเบิ้ลราคา 400 กับ 4000 มันมีความต่างกันจริงๆ หรือ? แล้วถ้าต่าง มันต่างกันอย่างไร? ผมจะมาเล่าเรื่องพรรค์นี้ให้ฟังกันครับ แต่จะว่ากันตามประสบการณ์ที่ได้เล่น ได้ลองมานะครับ

สายสัญญาณเนี่ย มีหน้าที่หลักๆ ก็คือใช้ในการนำสัญญาณกีตาร์ของเราที่รับแรงสั่นจากปิ๊กอัพ ผ่านทางวงจรกีตาร์แล้วผ่านเข้าสายสัญญาณก่อนจะผ่านไปสู่แอมป์พลิฟายด์​ (บางกรณีก็ผ่านบอร์ดเอฟเฟคต์ก่อน) ดังนั้นเจ้าสายสัญญาณจึงเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่มีผลต่อเรื่องเสียงโดยตรง (จริงๆ สายอะไรที่มีส่วนผสมของทองแดง ในความยาวเท่าๆ กัน จะนำสัญญาณได้เหมือนกันแหละครับ) แล้วทำไมราคาสายสัญญาณแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นมันจึงถูกหรือแพงไม่เท่ากันมันเป็นเพราะอะไร? คำตอบนั้นมีได้หลายจุดครับ ยกตัวอย่างเช่น

Connector Plug: หรือหัวแจ๊คนั่นเอง จุดนี้ถือว่าเป็นจุดหนึ่งที่สำคัญที่สุด เพราะว่าเป็นจุดสัมผัสระหว่างตัวส่งสัญญาณจุดแรกไปจนถึงจุดท้ายสุด ปรกติเราจะได้ยินว่าหัวทอง หัวเงินดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่จริงๆ แล้ว ทองแดงนี่แหละครับที่นำสัญญาณได้ดีกว่าชาวบ้าน บางบริษัทจึงทำหัวทอง/เงินออกมาเพื่อความสวยงาม แต่มีจุดสัมผัสเป็นทองแดง หรือเรียกแบบฝรั่งๆ ว่า Copper Core นั่นเอง

Copper Quality: คุณภาพของทองแดงที่นำสัญญาณก็เป็นอีกจุดที่ผมเห็นว่าผู้ใช้มองข้าม จริงๆ ถ้าเราสังเกตุอุปกรณ์ที่เกี่ยวการนำสื่อสัญญาณหลายๆ ชนิด จะเห็นว่าส่วนผสมที่เป็นทองแดงส่วนใหญ่จะใช้คุณภาพต่างๆ กัน (เช่นทองแดงที่ใช้พันปิ๊กอัพกีตาร์​ / สายสัญญาณคอมพิวเตอร์ และที่ฟังกันชัดที่สุดก็คือสายสัญญาณนำเสียงนี่แหละครับ)

Insulation: หรือฉนวนนั่นเอง เจ้าฉนวนนี้ ก็มีหน้าที่หลักๆ ที่สำคัญในการป้องกันไม่ให้เกิดสิ่งเล็กๆ ที่น่ารำคาญที่เรียกว่า Noise หรือเสียงรบกวน เนื่องเพราะทองแดงที่ถูกนำสัญญาณนั้นเป็นสิ่งที่ถูกรบกวนได้ง่ายจากคลื่นแม่เหล็ก หรือ คลื่นไฟฟ้าอื่นๆ จากภายนอก การห่อหุ้มด้วยฉนวนจึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับสายสัญญาณ การที่เราเสียบกีตาร์เข้ากับแอมป์ แล้วเจอเสียงรบกวนน้อยลง การใช้สายดีๆ ที่มีการสร้างฉนวนหุ้มดีๆ ก็มีผลอย่างมากครับ ที่ทำให้สัญญาณกีตาร์ของเราคลีนขึ้น เคลียร์ขึ้น และลดเสียงรบกวนได้มากโข


ต้องทำความเข้าใจกันนิดหนึ่งก่อนครับ ในเรื่องเสียงที่ผ่านสายสัญญาณ ที่เราๆ ท่านๆ มักจะบอกว่ายี่ห้อนี้แหลม ยี่ห้อนี้บวมเบสเยอะ หรือยี่ห้อนี้เสียงกลางหนา จริงๆ การนำสัญญาณจากต้นทางไปปลายทางในทางทฤษฎีจะได้ 100% ทุกๆ ย่านนั่นแหละครับ เพียงแต่สายสัญญาณที่เราใช้ จะตอบสนองย่านไหนได้เร็วกว่า ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีที่เราได้ย่านเสียงแหลมมากเกิน นั่นหมายถึง สายสัญญาณนั้น นำสัญญาณย่านเบส หรือ Low Frequency ได้ไม่ดีนัก และในทางกลับกันถ้าเสียงเบสมาหนักกว่า เสียงออกขุ่น แสดงว่าสายสัญญาณนั้นๆ นำสัญญาณด้านแหลม หรือ Hi Frequency ได้ไม่ดีนัก แต่ที่แน่ๆ สายสัญญาณที่คุณภาพดีๆ (ส่วนใหญ่ราคาจะไม่น่ารักนัก) จะแทบไม่มีปัญหาแบบนี้ คือนำสัญญาณได้ครบทุกๆ ย่าน ฟังโปร่ง สบายหู และไม่รู้สึกอึดอัด จริงๆ การทดสอบทำได้ง่ายๆ และวัดกันได้ที่ความยาวเพียง 20 cm ก็ฟังรู้เรื่องแล้วครับ

อ่านมาทั้งหมดแล้ว ก็อย่าเพิ่งเชื่อผมนะครับ ผมอยากจะแนะนำให้คุณไปลองให้รู้แจ้งเห็นจริงก่อน เพราะเรื่องของสายสัญญาณนั้น เป็นเรื่องของความรู้สึกที่ตอบสนองการดีดของคุณ และการฟังของคุณเอง ถ้าคุณฟังไม่ออก ผมก็แนะนำง่ายๆ ว่าอย่าไปซื้อมันครับ เพียงแค่อยากให้เปิดใจทดสอบสายสัญญาณหลายๆ ยี่ห้อ หลายๆ ระดับ คุณจะรู้แจ้งเห็นจริงเองนั่นหละ ว่ามันมีผลกับซาวด์ กับ โทนของคุณขนาดไหน :)




2 ความคิดเห็น: