วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556

Free The Tone Cables

ผมได้รับสายสัญญาณสำหรับเครื่องดนตรี และที่ใช้บนบอร์ดเอฟเฟคต์มาลองอีกเซ็ตหนึ่ง เป็นแบรนด์จากญี่ปุ่น คือ Free The Tone รุ่น 6550 สำหรับ Instrument และ 5050 สำหรับใช้บนเอฟเฟคต์บอร์ด ต้องบอกก่อนว่าก่อนหน้าที่จะทดสอบเจ้า Free The Tone ทั้ง 2 รุ่น บนบอร์ดของผมใช้สายสัญญาณของ Vovox รุ่น Protek Link A อยู่ ซึ่งเป็นสายเคเบิ้ลที่คุณภาพสูงอยู่แล้ว แต่เมื่อค่าย Free The Tone ทำเคเบิ้ลออกมา ยังไงผมก็ต้องลองครับ

สำหรับสายเคเบิ้ลสำหรับบอร์ดเอฟเฟคต์ FTT ผลิตเป็นรุ่น 5050 ซึ่งเป็นสายที่ค่อนไปทางเส้นเล็กหน่อย ด้วยประโยชน์ในการงอตัวง่าย และทำออกมา 2 แบบคือ L/L คือหัวงอปรกติ และ Clank ที่จะเข้าหัวแบบหันหน้าไปคนละทางเพื่อประโยชน์ในการเชื่อมต่อเอฟเฟคต์จากข้าง (Side Jack) ไปหาด้านบน (Top Jack)  หรือกลับกัน (ดูรูปประกอบ) โดยมีขนาดหลากหลายเหมือนกัน ผมเลือกใช้ความยาว 15 cm , 20 cm และ 75 cm ในการต่อบอร์ดของผม หลังจากทดสอบมาหลายวัน พบว่าสาย FTT 5050 นั้นให้ย่านเสียงกลางที่ฟังหนาฉ่ำเสียงเบสมาพอประมาณ และย่านแหลมไม่เยอะบาดหู สัญญาณเต็มไม่พบว่าสูญเสียไปเท่าไหร่ ผมชอบทีเดียว สัญญาณออกมาเป็นธรรมชาติไม่มี Coloured ผมต่อผ่าน FX 8 ก้อน ผสมผสานกันทั้ง True Bypass และ Buffer นอกจากนั้นผมยังทำการทดสอบ A/B กับสาย Patch อีกสองสามแบรนด์ รวมทั้ง Vovox ด้วย พบว่าในราคา 900-1000 บาทนั้น FTT 5050 เอาชนะสายแบรนด์ดังๆ ได้เกือบหมด ยกเว้น Vovox ที่ยังให้สัญญาณเต็มกว่า 5050 เพียงรุ่นเดียวครับ

CLANK CABLE
L/L Cable
มาถึงสาย Instrument บ้าง ผมได้รุ่น 6550 ขนาดความยาว 4 เมตรมาลองครับ ผมต่อ Fender Rory Gallagher Stratocaster ตรงๆ เข้า Victoria 50212 แอมป์ พบว่า เสียงที่ได้จะออกมาเต็ม และน่าจะเป็นเอกลักษณ์ของ FTT Cable ที่ให้เสียงกลางหนาๆ ฉ่ำๆ ย่านเสียงเบสไม่หนักล้น และย่านเสียงแหลมก็ไม่กัดหู ผมเข้าใจว่าทาง FTT จะตั้งใจออกแบบให้เคเบิ้ลของเขาให้สัญญาณผ่านลักษณะนี้ครับ ซึ่งโอเคมากๆ สำหรับคนที่ไม่ชอบเสียงแหลมจัด หรือทุ้มเบสล้นเกินไป อยากให้ได้ลองกันครับ สำหรับสายเคเบิ้ลคุณภาพดีๆ แบบนี้ สนนราคาก็ไม่หนักหน่วงมากอีกด้วย หลังจากสายสองรุ่นนี้ออกมาไม่นาน Matt Schofield มือกีตาร์สายบลูส์ก็เอาไปใช้งานแล้วเรียบร้อยครับ :)